วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตำนานลอยกระทง‬


ตำนานลอยกระทง‬ 
6 ความเชื่อ วันเพ็ญเดือน ๑๒
...............................................................
1. ตำนานลอยกระทงจากนิทานชาวบ้าน เรื่องกาเผือก
  • เมื่อครั้งดึกดำบรรพ์มีกาเผือกสองตัวผัวเมียทำรังอยู่บนต้นไม้ในป่าหิมพานต์ใกล้ฝั่งแม่น้ำ วันหนึ่งกาตัวผู้ออกไปหากินแล้วหลงทางกลับรังไม่ได้ ปล่อยให้นางกาตัวเมียซึ่งกกไข่อยู่ 5 ฟอง รอด้วยความกระวนกระวายใจ จู่ ๆ มีพายุใหญ่พัดมาโดนรังกระจัดกระจายจนไข่ทั้ง 5 ฟองตกลงน้ำ ด้านแม่กาถูกลมพัดไปอีกทางหนึ่ง แต่เมื่อย้อนกลับมาไม่เห็นฟองไข่ จึงร้องไห้จนขาดใจตายไปเกิดเป็นท้าวพกาพรหมอยู่ในพรหมโลก ส่วนฟองไข่ทั้ง 5 นั้น ลอยน้ำไปคนละทิศคนละทาง
  • ต่อมาแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค และแม่ราชสีห์ ได้มาพบเข้า จึงนำไปรักษาไว้ตัวละ 1 ฟอง ครั้งถึงกำหนดฟักกลับกลายเป็นมนุษย์ทั้งหมด ไม่มีฟองไหนเกิดมาเป็นลูกกาเลย โดยกุมารทั้ง 5 มีนามว่า กกุสันโธ (วงศ์ไก่), โกนาคมโน (วงศ์นาค), กัสสโป (วงศ์เต่า), โคตโม (วงศ์โค) และเมตเตยยะ (วงศ์ราชสีห์) ต่อมากุมารทั้ง 5 ต่างเห็นโทษภัยในการเป็นฆราวาสและเห็นอานิสงส์ในการบรรพชา จึงขอลาไปบวชเป็นฤาษี และทั้ง 5 คน ได้มีโอกาสพบปะกันและถามถึงนามวงศ์และมารดาของกันและกันจึงทราบว่าเป็นพี่น้องกัน
  • จากนั้นทั้งหมดได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าต่อไปจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าขอให้ร้อนไปถึงมารดา และด้วยแรงอธิษฐานของทั้ง 5 ท้าวพกาพรหมจึงเสด็จมาจากเทวโลกจำแลงองค์เป็นกาเผือก แล้วเล่าเรื่องราวให้ฟังพร้อมบอกว่าถ้าคิดถึงมารดาเมื่อถึงเพ็ญเดือน 11 เดือน 12 ให้เอาด้ายดิบผูกไม้ตีนกาปักธูปเทียนบูชาลอยกระทงในแม่น้ำ เพื่อแสดงความคิดถึง ตั้งแต่นั้นมาจึงมีการลอยกระทงเพื่อบูชาท้าวพกาพรหมและเพื่อบูชารอยพระบาท ซึ่งประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ส่วนฤาษีทั้ง 5 ต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ดังนี้
    • - ฤาษีองค์แรก กกุสันโธ (พระกกุสันโธ)
    • - ฤาษีองค์ที่สอง โกนาคมโน (พระโกนาคมน์)
    • - ฤาษีองค์ที่สาม กัสสโป (พระกัสสปะ)
    • - ฤาษีองค์ที่สี่ โคตโม (พระสมณโคดม)
    • - ฤาษีองค์ที่ห้า เมตเตยยะ (พระศรีอาริยเมตไตรย)
  • ตามตำนานดังกล่าว ได้มีพระพุทธเจ้า 3 
  • พระองค์แรก มาบังเกิดบนโลกมนุษย์แล้วในอดีตกาล 
  • พระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน 
  • พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 คือ พระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดบนโลก
  • ในอนาคต ได้แก่ พระศรีอาริยเมตไตรย

2. ตำนานลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท
  • รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ที่ไปปรากฏ
  • อยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที มีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติล
  • คือ ครั้งหนึ่งพญานาคได้ทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
  • ให้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ 
  • เมื่อพระองค์เตรียมเสด็จกลับ พญานาคจึงได้ทูลขออนุสาวรีย์
  • ไว้สำหรับกราบไหว้บูชา พระพุทธองค์จึงทรงประดิษฐาน
  • รอยพระพุทธบาทไว้ที่หาดทราย ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที 
  • เพื่อให้บรรดานาคทั้งหลายได้ลอยกระทงเพื่อสักการบูชา

3. ตำนานลอยกระทงเพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากเทวโลก
  • เป็นตำนานที่เล่ากันว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ 
  • ได้เสด็จออกบวชจนได้บรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
  • ได้เสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 
  • เพื่อทรงเทศนาธรรมโปรดพระพุทธมารดา 
  • จากนั้นพระองค์ได้เสด็จกลับลงสู่โลกมนุษย์ 
  • ในการเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ครั้งนี้ เหล่าทวยเทพ
  • และประชาชนทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันทำการสักการบูชา
  • ด้วยทิพย์บุปผามาลัย การลอยกระทงตามตำนานนี้ 
  • จึงเป็นการรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากดาวดึงส์พิภพ

4. ตำนานลอยกระทงเพื่อบูชาพระนารายณ์บรรทมสินธุ์
  • พิธีการลอยกระทงตามคติพราหมณ์ 
  • ซึ่งกระทำเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า คือ 
  • พระนารายณ์ที่บรรทมสินธุ์อยู่ในมหาสมุทร 
  • นิยมทำพิธีการลอยกระทงกันในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 
  • หรือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็น 2 ระยะ ซึ่งจะทำในกำหนดใดก็ได้

5. ตำนานลอยกระทงเพื่อบูชาพระอุปคุต

  • พระเจ้าอโศกมหาราชทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา 
  • ได้โปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์และพุทธวิหารขึ้นทั่วชมพูทวีป
  • มหาวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ อโศการาม 
  • ซึ่งตั้งอยู่ในเขตแคว้นมคธ หลังจากที่สร้างพระสถูปเจดีย์
  • ถึง 84,000 องค์สำเร็จแล้ว พระเจ้าอโศกทรงมี
  • พระราชประสงค์จะนำพระบรมสารีริกธาตุของสัมมาสัมพุทธเจ้า
  • ไปบรรจุในในพระสถูปต่าง ๆ และบรรจุในพระมหาสถูปองค์ใหญ่ 
  • ประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาให้ปาฏลีบุตร 
  • และยังต้องการให้มีการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เป็นเวลา 7 ปี 7 เดือน 7 วัน
  • แต่ด้วยเกรงว่าพญามารจะมาทำลายพิธีฉลอง 
  • มีเพียงพระอุปคุตที่ไปจำศีลอยู่ในสะดือทะเลเพียงท่านเดียวเท่านั้น 
  • ที่จะสามารถปราบพญามารได้ เมื่อพระอุปคุตปราบพญามารจนสำนึก
  • ตัวหันมายึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว 
  • พระอุปคุตต์จึงลงไปจำศีลอยู่ในสะดือทะเลตามเดิม 
  • จากนั้นจึงมีการลอยกระทงเพื่อบูชาพระอุปคุตต์ 
  • สำหรับพระอุปคุต คนไทยจะเรียกได้อีกชื่อว่า ..พระบัวเข็ม

6. ตำนานลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี
  • ตำนานนี้เล่ากันว่า เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะ 
  • เสด็จออกจากพระนครกบิลพัสดุ์ ในเวลากลางดึกด้วยม้ากัณฐกะ 
  • พร้อมนายฉันทะ มหาดเล็กผู้ตามเสด็จ
  • ครั้นรุ่งอรุณก็ถึงฝั่งแม่น้ำอโนมานที เจ้าชายทรงขี่ม้ากัณฐกะ 
  • กระโจนข้ามแม่น้ำไป เมื่อทรงทราบว่าพ้นเขตกรุงกบิลพัสดุ์แล้ว 
  • เจ้าชายสิทธัตถะจึงเสด็จลงประทับเหนือหาดทรายขาวสะอาด 
  • ตรัสให้..นายฉันทะนำเครื่องประดับและม้ากัณฐกะกลับพระนคร 
  • และทรงตั้งพระทัยปรารภจะบรรพชา โดยเปล่งวาจา
  • "สาธุ โข ปพฺพชฺชา"
  • แล้วจึงทรงจับพระเมาลีด้วยพระหัตถ์ซ้าย 
  • พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ตัดพระเมาลี แล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ 
  • พระอินทร์ได้นำผอบทองมารองรับพระเมาลีไว้ และนำไปบรรจุ
  • ยังพระจุฬามณีเจดีย์สถานในเทวโลก 
  • ทำให้การลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี 
  • จึงถือเป็นการไหว้บูชาพระศรีอริยเมตไตรยด้วย

...................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น