ตำนานลอยกระทง
6 ความเชื่อ วันเพ็ญเดือน ๑๒
...............................................................
1. ตำนานลอยกระทงจากนิทานชาวบ้าน เรื่องกาเผือก
- เมื่อครั้งดึกดำบรรพ์มีกาเผือกสองตัวผัวเมียทำรังอยู่บนต้นไม้ในป่าหิมพานต์ใกล้ฝั่งแม่น้ำ วันหนึ่งกาตัวผู้ออกไปหากินแล้วหลงทางกลับรังไม่ได้ ปล่อยให้นางกาตัวเมียซึ่งกกไข่อยู่ 5 ฟอง รอด้วยความกระวนกระวายใจ จู่ ๆ มีพายุใหญ่พัดมาโดนรังกระจัดกระจายจนไข่ทั้ง 5 ฟองตกลงน้ำ ด้านแม่กาถูกลมพัดไปอีกทางหนึ่ง แต่เมื่อย้อนกลับมาไม่เห็นฟองไข่ จึงร้องไห้จนขาดใจตายไปเกิดเป็นท้าวพกาพรหมอยู่ในพรหมโลก ส่วนฟองไข่ทั้ง 5 นั้น ลอยน้ำไปคนละทิศคนละทาง
- ต่อมาแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค และแม่ราชสีห์ ได้มาพบเข้า จึงนำไปรักษาไว้ตัวละ 1 ฟอง ครั้งถึงกำหนดฟักกลับกลายเป็นมนุษย์ทั้งหมด ไม่มีฟองไหนเกิดมาเป็นลูกกาเลย โดยกุมารทั้ง 5 มีนามว่า กกุสันโธ (วงศ์ไก่), โกนาคมโน (วงศ์นาค), กัสสโป (วงศ์เต่า), โคตโม (วงศ์โค) และเมตเตยยะ (วงศ์ราชสีห์) ต่อมากุมารทั้ง 5 ต่างเห็นโทษภัยในการเป็นฆราวาสและเห็นอานิสงส์ในการบรรพชา จึงขอลาไปบวชเป็นฤาษี และทั้ง 5 คน ได้มีโอกาสพบปะกันและถามถึงนามวงศ์และมารดาของกันและกันจึงทราบว่าเป็นพี่น้องกัน
- จากนั้นทั้งหมดได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าต่อไปจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าขอให้ร้อนไปถึงมารดา และด้วยแรงอธิษฐานของทั้ง 5 ท้าวพกาพรหมจึงเสด็จมาจากเทวโลกจำแลงองค์เป็นกาเผือก แล้วเล่าเรื่องราวให้ฟังพร้อมบอกว่าถ้าคิดถึงมารดาเมื่อถึงเพ็ญเดือน 11 เดือน 12 ให้เอาด้ายดิบผูกไม้ตีนกาปักธูปเทียนบูชาลอยกระทงในแม่น้ำ เพื่อแสดงความคิดถึง ตั้งแต่นั้นมาจึงมีการลอยกระทงเพื่อบูชาท้าวพกาพรหมและเพื่อบูชารอยพระบาท ซึ่งประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ส่วนฤาษีทั้ง 5 ต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ดังนี้
- - ฤาษีองค์แรก กกุสันโธ (พระกกุสันโธ)
- - ฤาษีองค์ที่สอง โกนาคมโน (พระโกนาคมน์)
- - ฤาษีองค์ที่สาม กัสสโป (พระกัสสปะ)
- - ฤาษีองค์ที่สี่ โคตโม (พระสมณโคดม)
- - ฤาษีองค์ที่ห้า เมตเตยยะ (พระศรีอาริยเมตไตรย)
- ตามตำนานดังกล่าว ได้มีพระพุทธเจ้า 3
- พระองค์แรก มาบังเกิดบนโลกมนุษย์แล้วในอดีตกาล
- พระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
- พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 คือ พระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดบนโลก
- ในอนาคต ได้แก่ พระศรีอาริยเมตไตรย
2. ตำนานลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท
- รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ที่ไปปรากฏ
- อยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที มีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติล
- คือ ครั้งหนึ่งพญานาคได้ทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- ให้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ
- เมื่อพระองค์เตรียมเสด็จกลับ พญานาคจึงได้ทูลขออนุสาวรีย์
- ไว้สำหรับกราบไหว้บูชา พระพุทธองค์จึงทรงประดิษฐาน
- รอยพระพุทธบาทไว้ที่หาดทราย ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที
- เพื่อให้บรรดานาคทั้งหลายได้ลอยกระทงเพื่อสักการบูชา
3. ตำนานลอยกระทงเพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากเทวโลก
- เป็นตำนานที่เล่ากันว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ
- ได้เสด็จออกบวชจนได้บรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
- ได้เสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
- เพื่อทรงเทศนาธรรมโปรดพระพุทธมารดา
- จากนั้นพระองค์ได้เสด็จกลับลงสู่โลกมนุษย์
- ในการเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ครั้งนี้ เหล่าทวยเทพ
- และประชาชนทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันทำการสักการบูชา
- ด้วยทิพย์บุปผามาลัย การลอยกระทงตามตำนานนี้
- จึงเป็นการรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากดาวดึงส์พิภพ
4. ตำนานลอยกระทงเพื่อบูชาพระนารายณ์บรรทมสินธุ์
- พิธีการลอยกระทงตามคติพราหมณ์
- ซึ่งกระทำเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า คือ
- พระนารายณ์ที่บรรทมสินธุ์อยู่ในมหาสมุทร
- นิยมทำพิธีการลอยกระทงกันในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
- หรือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็น 2 ระยะ ซึ่งจะทำในกำหนดใดก็ได้
5. ตำนานลอยกระทงเพื่อบูชาพระอุปคุต
- พระเจ้าอโศกมหาราชทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา
- ได้โปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์และพุทธวิหารขึ้นทั่วชมพูทวีป
- มหาวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ อโศการาม
- ซึ่งตั้งอยู่ในเขตแคว้นมคธ หลังจากที่สร้างพระสถูปเจดีย์
- ถึง 84,000 องค์สำเร็จแล้ว พระเจ้าอโศกทรงมี
- พระราชประสงค์จะนำพระบรมสารีริกธาตุของสัมมาสัมพุทธเจ้า
- ไปบรรจุในในพระสถูปต่าง ๆ และบรรจุในพระมหาสถูปองค์ใหญ่
- ประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาให้ปาฏลีบุตร
- และยังต้องการให้มีการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เป็นเวลา 7 ปี 7 เดือน 7 วัน
- แต่ด้วยเกรงว่าพญามารจะมาทำลายพิธีฉลอง
- มีเพียงพระอุปคุตที่ไปจำศีลอยู่ในสะดือทะเลเพียงท่านเดียวเท่านั้น
- ที่จะสามารถปราบพญามารได้ เมื่อพระอุปคุตปราบพญามารจนสำนึก
- ตัวหันมายึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว
- พระอุปคุตต์จึงลงไปจำศีลอยู่ในสะดือทะเลตามเดิม
- จากนั้นจึงมีการลอยกระทงเพื่อบูชาพระอุปคุตต์
- สำหรับพระอุปคุต คนไทยจะเรียกได้อีกชื่อว่า ..พระบัวเข็ม
6. ตำนานลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี
- ตำนานนี้เล่ากันว่า เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะ
- เสด็จออกจากพระนครกบิลพัสดุ์ ในเวลากลางดึกด้วยม้ากัณฐกะ
- พร้อมนายฉันทะ มหาดเล็กผู้ตามเสด็จ
- ครั้นรุ่งอรุณก็ถึงฝั่งแม่น้ำอโนมานที เจ้าชายทรงขี่ม้ากัณฐกะ
- กระโจนข้ามแม่น้ำไป เมื่อทรงทราบว่าพ้นเขตกรุงกบิลพัสดุ์แล้ว
- เจ้าชายสิทธัตถะจึงเสด็จลงประทับเหนือหาดทรายขาวสะอาด
- ตรัสให้..นายฉันทะนำเครื่องประดับและม้ากัณฐกะกลับพระนคร
- และทรงตั้งพระทัยปรารภจะบรรพชา โดยเปล่งวาจา
- "สาธุ โข ปพฺพชฺชา"
- แล้วจึงทรงจับพระเมาลีด้วยพระหัตถ์ซ้าย
- พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ตัดพระเมาลี แล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ
- พระอินทร์ได้นำผอบทองมารองรับพระเมาลีไว้ และนำไปบรรจุ
- ยังพระจุฬามณีเจดีย์สถานในเทวโลก
- ทำให้การลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี
- จึงถือเป็นการไหว้บูชาพระศรีอริยเมตไตรยด้วย
...................................................................