วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตำนานพระสุพรรณกัลยา 7

“นายพรานป่าที่น่าหวาดกลัวเข้ามาหา”

  • เวลาอัสดงของวันนั้น เรากำลังเดินจงกรม อยู่ด้วยความสงบ เดินไปเดินมาอย่างช้า ได้ยินแต่เสียงวิหคนกกามาส่งเสียงเจื้อยแจ้ว หาที่นอนตามธรรมชาติของมัน 
  • ในขณะนั้นเองเราเห็นนายพรานป่า ที่น่าสะพรึงกลัว เพราะบนหัวแกโพกผ้าสีแดง มือทั้งสองถือปืนยาว แบกปืนโบราณ ใช้เหล็กนกนับหิน คงเป็นปืนที่ใช้ล่าเนื้อ สะพายย่ามใบใหญ่ ด้านหลังมีมีดเล่มใหญ่ ใส่ฝัก 
  • ออกปากทักคำเดียวว่า พระคุณท่าน แล้วแกก็คุกเข่า เอาปืนวางไว้ข้างๆ ถอดมีดอีโต้ออกมาจากเอวข้างหลัง แล้วยกมือไหว้แบบโบราณ คือ ยกมือขึ้นใส่เกล้าบนหัว 
  • แล้วกราบลงสามครั้ง แล้วออกปากว่า พระคุณท่าน ผมชื่อ หิรัญพนาสูร ผมมาตามคำสั่งของเจ้าเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่ ให้มาเป็นอารักขาพาเป็นมัคคุเทศก์ ช่วยป้องกันเหตุร้ายที่จะมากล้ำกรายทำร้ายท่าน

  • ในขณะที่ท่านจะเดินทางสู่แดนอันตราย และเรียบผ่านป่าเขาลำเนาไพรไปทางทิศตะวันตก แล้ววกขึ้นไปทางเหนือ 
  • ที่ท่านจะต้องลัดเลาะเข้าไปในเขตทุรกันดาร ผ่านมนุษย์หลายเผ่า หลายชาติ หลายศาสนา แม้แต่พวกคนเงาะ คนป่าก็มีไม่น้อย 
  • เจ้าเหนือหัวให้ข้าไปด้วย ดูแลเพื่อจะได้ช่วยแก้ไขภาวะวิกฤตที่พี่น้องของพระองค์ท่าน ยังตกติดค้างอยู่ต่างแดน เป็นเชลยยังติดอยู่ 
  • ท่านจะต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 1 เดือน ผมจะไปด้วยเพื่อช่วยนำบอกทางและป้องกันอันตราย ไม่ไปไม่ได้ คอขาดแน่ เจ้าเหนือหัวสั่งมา 
  • ผมจะรับอาสาไปส่งและกลับพร้อมท่าน ข้าพเจ้าจึงถามแกว่า โยมจะพาฉันไปไหนหละ ก็ไปตามทางที่เจ้าเหนือหัวสั่งนั่นแหละ ผมจะนำพาท่านไปเอง 
  • เราก็ตอบเขาว่า มันจะเหมาะหรือ คุณโยม ฉันเป็นนักบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ จะไปด้วยกันกับท่านที่เป็นนายพรานป่าผู้มีอาวุธอยู่ในมือ 
  • ในพระวินัยสงฆ์ ก็ห้ามพูดคุยกับบุคคลผู้มีศัสตราวุธในมือนะโยม ถ้าฝ่าฝืน อาตมาก็เป็นอาบัติ และฉันเองบวชเข้ามาก็มิใช่เป็นพระนักรบ อย่างคนอื่นๆ เขา
  • พอแกได้ฟังแล้วก็ท่างงๆ แล้วออกปากถามว่า พระนักรบ เป็นอย่างไรพระคุณท่าน เออคุณโยม พระนักรบก็คือ พวกรบกวนชาวบ้านนะซิโยม ได้แก่ นักบวชที่ชอบขอ ที่ชอบเรี่ยไรไม่รู้จักพอ ขอตะบันยันเต
  • คือเมื่อหลายวันมาแล้ว ฉันเดินธุดงค์ มาหยุดพักตามห้างไร่ห้างนา ได้อาศัยเอาเป็นที่บรรเทาความร้อน ได้ถามชาวบ้านเขาว่า เป็นอย่างไรบ้างโยม ข้าวนาข้าวไร่ มีพอใช้พอกินตลอดปีหรือเปล่า เขาตอบว่า เออถ้าปีไหน หนูไม่กัด วัดไม่ขูด ก็พอกินเจ้าข้า 
  • พออาตมาได้ฟังเขาตอบอย่างนั้นแล้ว ก็รู้สึกอายตัวเองและอายแทนพระนักรบ คือรบกวนชาวบ้านด้วย 
  • ดังนั้นจึงไม่อยากจะรบกวนใคร คราวนี้ถ้าคุณโยมไปกับฉัน ครอบครัวโยมจะลำบากอีก อาตมากับโยมไปด้วยกันได้ 
  • แต่จะพูดด้วยกันไม่ได้ ถ้าหาไม่ อาตมาก็เป็นอาบัติ อาตมาขอทีเถอะ คุณโยมอย่าไปเลย ถึงเจ้าเหนือหัวท่านตรัสถามหรือทำโทษโยม ก็ต้องกราบเรียนท่านอย่างที่อาตมากล่าวมานี้ ขอบใจนะคุณโยม
  • เราคุยสนทนากันจนตะวันลับขอบฟ้า แล้วแกก็อำลาไป ก่อนไปนายพรานยกสองมือขึ้นแบบประนมมือขึ้นเหนือศีรษะ กราบ 3 ครั้ง 
  • แล้วบอกว่า ผมขอถวายหัวกับพระคุณเจ้า เอามือทั้งสองถอดผ้าแดงที่พันหัวแกอยู่ถวายให้ แล้วบอกว่าเอาไว้ป้องกันตัว 
  • เมื่อนายพรานจากไปแล้ว เราเอาผ้านั้นมาคลี่ดู เห็นเป็นผ้ายันต์เขียนด้วยอักษรไทยเหนือ ในคำนำบอกว่าเป็นพระคาถาที่พระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ได้ประสิทธิ์ประสาทให้พระนเรศวร กับพระเอกาทศรถ พร้อมด้วยทหารหาญ ในการกู้บ้านกู้เมือง 
  • เป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ภาวนาบ่อยๆ เนืองนิจจะพิชิตหมู่ไพรี ไล่ความอัปรีย์ จัญไรได้หมด ข้าพเจ้าอ่านแล้ว ก็พับเอาไว้อย่างเดิม เพราะคาถานี้ข้าพเจ้าเองสวดทุกเช้าเย็น
  • และตอนกลางคืนคือ วันศุกร์ที่ 30 เมษายนนั่นเอง นายพรานคนนั้นก็กลับมาอีก มาคราวนี้แกนำเอาแท่งเงิน แท่งทองคำมาให้จำนวนมาก 
  • บอกว่ากลัวท่านจะลำบากในการเดินทาง เมื่อท่านอดอยากก็ขายเงินแท้ๆ ทองคำแท้ๆ เพื่อประทังชีพในการเดินทาง 
  • เพราะทางเปลี่ยว ต้องข้ามเขาลงห้วย ลำบาก ก็ปฏิเสธแกไปว่า ไม่หรอกโยม ขอบใจมากที่เป็นห่วง ขอให้คุณโยมเอากลับไปเถิด 
  • อาตมาไม่เอาติดตัวไป ไม่ว่าทรัพย์สมบัติชนิดใด ที่เขาสมมุติว่ามีค่า สิ่งนั้นจะนำทุกข์มาให้ทุกอย่าง 
  • อาตมาเอง มาแสวงหาทรัพย์ภายใน คือ อริยทรัพย์ ส่วนทรัพย์ภายนอกคือ ข้าวของเงินทอง ที่จะต้องใช้จ่ายเพื่อความสุขของชีวิตทางโลกนั้น อาตมาไม่ถือเงินทองไปด้วยเลย มีก็แต่เสื้อผ้าที่จะนำไปให้คนจน อาตมาจึงขอขอบใจเจตนาดีของคุณโยมอย่างมาก 

  • เมื่อเราไม่ยอมรับ แกก็กลับไป และก่อนไปแกถวายไม้เท้าไว้หนึ่งท่อน แกบอกว่าป้องกันได้สารพัด อันตัวหนอน ตัวทาก มันชุกชุม มันรุมกัน ไต่ขึ้นขา มาดูดกินเลือด ตัวมันคล้ายตัวปลิง ปลิงบกเราเรียกทาก 
  • หากมันเกาะ เอาไม้นี้แตะเข้า มันจะหลุดไป และกันภัยได้ทุกอย่างเลย อันไม้เท้าที่แกให้นั้น บัดนี้เรายังรักษาและถือประจำอยู่ 
  • จึงนึกในใจว่า ผู้ชายนายพรานคนนี้เป็นใครกันแน่ แต่ที่แกบอกว่าชื่อ หิรัญพนาสูร นั้น คือใครกันแน่และแกอยู่ที่ไหน เราก็ลืมถามแกด้วย 
  • เมื่อพิเคราะห์ดู ก็คงจะเป็นเจ้าป่าคือท้าวหิรัญ ซึ่งมีรูปปั้นหล่ออยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎนั้นเอง จึงมาเชื่อมั่นว่า คิดดี พูดดี ทำดี ผีช่วย เราจึงมีรูปท้าวหิรัญไว้ดูเป็นขวัญตามาทุกวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น