วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตำนานพระสุพรรณกัลยา 3

"กลับบ้านเกิดเมืองนอนครั้งแรก"

ตำนานพระสุพรรณกัลยา ในย้อนรอยกรรมของหลวงปู่โง่น โสรโย (3)

  • กล่าว ย้อนไปถึงการเดินทางกลับ อำลาท่านผู้บังเกิดเกล้าที่เมืองอยุธยาจำเดิม แต่ได้พลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนมาเป็นเวลาร่วมสิบปี 
  • มีครั้งเดียวเท่านี้ที่ฉันได้กลับไปเห็นหน้าบิดามารดา ตลอดทั้งพระประยูรญาติ เมื่อได้ทำพิธีอำลาท่านผู้บังเกิดเกล้าแล้ว 
  • เจ้าบุเรงนองก็พากลับ และให้กลับทุกคน แม้แต่พระอนุชาของฉัน เพราะเจ้าบุเรงนอง มันใช้อำนาจบาทใหญ่ 
  • พระราชบิดาของฉันจะร้องขออะไรมันก็ไม่ยอม แม้แต่ท่านจะขอกำลังทหารไทยไว้ป้องกันประเทศ มันก็ด่าว่าเอา 
  • มันบอกว่าไม่จำเป็น ไม่เห็นใครที่ไหนจะใหญ่จะมีกำลังเหนือมัน มันเคี่ยวเข็ญ เย็นค่ำ ร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย

  • พระราชบิดาของฉันก็กลัวมันยิ่งกว่าเสือ เหลือร้ายจริงอ้ายบุเรงนอง เมื่อกลับถึงถิ่นเมืองหงสาวดีแล้ว 
  • พิธีการการอภิเษกสมรสระหว่างฉันกับเจ้าบุเรงนองก็เกิดขึ้น ฉันก็ตกเป็นของเจ้าบุเรงนองตามประเพณีของเขา 
  • แต่น้องชายของฉันสิเหงา เพราะดูกิริยาท่าทางของเขาเศร้าสร้อยหงอยเหงาจริงๆ เพราะเขาเคยอยู่กับฉัน เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ 
  • ฉันฟูมฟักเลี้ยงดูเขามาด้วยมือ เลี้ยงเขามาแต่เล็กๆ ฉันสงสารน้องชายที่ว้าเหว่ ฉันจึงวางเล่ห์กลอุบายกับเจ้าบุเรงนองว่า 
  • ท่านเจ้าขา อันพระอนุชาทั้งสองของฉันนั้น เขาได้เติบใหญ่เป็นหนุ่มเป็นแน่นรักษาตัวได้และเอาตัวรอดได้แล้ว 
  • ฉันจึงอยากจะขอร้อง ให้น้องชายทั้งสองคนกลับไปช่วยราชการของพระราชบิดาที่เมืองไทย เพราะได้รับข่าวว่า พญาละแวก คือพวกขอมได้ยาตราทัพอันเกรียงไกรมาประชิดติดแดนไทยแล้ว และก็ตีได้แล้วหลายเมืองทางทิศตะวันออกของไทย 
  • ถ้าเราช้าไปจะต้องเสียใจ เพราะเมืองไทยได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพญาละแวก เราจะสูญเสียประเทศราชของเราไปอีก 
  • ฉันเชื่อแน่ว่าพระน้องยาเธอของฉันทั้งสอง เขาจะเอาชนะพญาละแวกได้ เพราะไพร่พลคนไทย ก็จะมีกำลังใจในอันที่จะต่อสู้กับพญาละแวกได้ 
  • เมื่อเจ้าบุเรงนองได้ฟัง มันก็เชื่ออย่างสนิทใจ มันจึงปล่อยให้เจ้าองค์ดำกับเจ้าองค์ขาวกลับเมืองไทย พร้อมด้วยบริวารอีกจำนวนหนึ่ง 
  • ท่านขาตอนที่น้องทั้งสองของฉัน ที่ฉันได้ทนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเขามาแต่แบเบาะ มีเคราะห์กรรมอะไรหนอ ที่จะมาพรากให้ฉันต้องอยู่เดียวดาย
  • ในขณะที่น้องชายของฉันจากไปนั้น ฉันมีความรู้สึกสังหรณ์ใจว่า จากนี้ไปภายหน้าตลอดชีวิต ฉันจะไม่ได้เห็นน้องชายทั้งสองของฉันอีกแล้ว 
  • จึงได้ยินแต่สั่งคำเดียวว่า ไปนะแม่ ไปนะแม่ น้องทั้งสองจะจดจำคำว่า แม่ แม่ แม่ ไว้ในห้วงแห่งดวงใจตลอดไป 
  • ท่านขา ในคราวนั้นเองฉันรู้สึกว่าดวงตาดวงใจของฉัน มันหลุดลอยออกจากร่าง มันทำให้จิตใจเวิ้งว้าง ว้าเหว่ ไม่มีฟ้า ไม่มีดิน 
  • ได้ยินแต่เสียงน้องสั่งว่า ไปนะแม่ ไปนะแม่ ถึงเขาจะออกเดินไปแลัวจนสุดสายตาแต่เสียงสั่งลาของน้องก็ยังก้อง อยู่ในโสตประสาทของฉันไม่มีวันลืมเลือน 
  • ฉันจึงยืนขึ้นเอามือขวาค้ำสะเอว ส่งกระแสจิตให้รุนแรงว่า ไปดีเน้อน้อง ไปดีเน้อน้อง
  • มัน เป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งนะท่านที่พระราชบิดาของฉันสอนเอาไว้ว่า ถ้าจะอวยชัยให้พรใคร เมื่อเขาจากไป 
  • ถ้าเป็นผู้หญิงให้ใช้มือซ้าย ถ้าเป็นผู้ชายให้ใช้มือขวา ถ้าเป็นทั้งหญิงทั้งชาย ให้ใช้ทั้งสองมือ 
  • ดูแต่คราวที่พวกคณะเราจะจากท่านมา ทั้งสองครั้ง ท่านก็ใช้พระหัตถ์ทั้งสองข้างของท่านค้ำสะเอว เราจึงไปมาอย่างปลอดภัย 
  • เมื่อเขากลับไปแล้ว ได้ตั้งตัวเป็นหัวหน้าทัพ แล้วเปลี่ยนคำว่า หัวหน้าใหญ่ ให้เป็นแม่ทัพ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา 
  • แล้วประกาศเป็นพระราชอาญาว่า หากมันผู้ใดมันอุตริเปลี่ยนคำเรียกแม่ทัพให้เป็นศัพท์อื่นนามอื่นขอให้บุคคล ผู้นั้นมันถึงซึ่งความวิบัติฉิบหายวายวอดเถิด
  • นี่แหละท่านน้องที่กตัญญู เขาเอาชื่อแม่ที่เขารักและมีพระคุณกับเขาไปตั้งเป็นแม่ แม่ แม่ อยู่กับตัวเขาตลอดไป (กองทัพไทยเราจึงมีแม่ทัพตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา) 
  • และกาลต่อมาภายหลัง เมื่อน้องชายฉันกลับไปแล้วได้ตั้งตัวเป็นแม่ทัพ ได้รวบรวมสรรพกำลังให้เกรียงไกร 
  • แล้วขับไล่กองทัพของพญาละแวกให้แตกกระเจิง แล้วรวบรวมไพร่พลของพญาละแวกเข้าเป็นกำลังเสริม ร่วมกันเล่นงานกองทัพอ้ายหม่อง ให้ม่องเท่งไปไม่เป็นกระบวน 
  • แต่การเอาชนะกับเจ้าหม่องนั้นล่าช้ามากๆ ส่วนน้องชายฉันเขารู้ รู้ว่าเจ้าหม่องมันส่งชายฉกรรจ์ แต่งตัวปลอมตัวเป็นพระมาสืบความลับว่า จุดอ่อน จุดแข็งของกองทัพไทยอยู่ตรงไหน
  • เจ้าพวกแต่งตัวเป็นพระนี้เอง คนไทยไม่รู้ว่าเป็นพระพม่าหรือพระไทย เพราะเหมือนกันหมด ดูไม่ออกว่าพระพม่าหรือพระไทย 
  • พอน้องชายทั้งสองของฉันกลับไป ก็ขอร้องให้ท่านพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ที่สอนคาถาปราบศึกให้ 
  • สั่งให้พระสงฆ์ไทยทั้งประเทศโกนคิ้วทิ้งให้หมด เพื่อให้คนไทยรู้ว่า พระพม่าหรือพระสงฆ์ไทย องค์ไหนไม่โกนคิ้วองค์นั้นเป็นพระหม่อง ขับออกไปจากเมืองไทยให้หมด 
  • คนไทยกำหนดรู้ รู้กันโกนคิ้วไม่โกนคิ้วนี่เอง ฉันเห็นท่านมาวันนี้ ท่านโกนคิ้วจึงรู้ว่า ท่านเป็นพระสงฆ์ไทย 
  • พอเขาแก้ไขได้ทุกอย่างแล้ว ก็จะหวนกลับมาตีเอาเมืองหงสาวดี และปริมณฑลเพื่อยึดเอาตัวฉันกลับไป 
  • ท่านขา พอเจ้าบุเรงนองมันสืบรู้ว่า เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น มีฉันเป็นผู้วางแผน 
  • ในระยะนั้นก็มีความไม่สงบเกิดขึ้น เพราะตัวพระคุณเจ้าเอง วางแผนให้เจ้าบุเรงนองผู้ครองความเป็นใหญ่ 
  • อันเจ้านันทบุเรงนั้น มันมักมากในกามคุณ มีเมียมากนับไม่ถ้วน แต่มีคนหนี่งชื่อ สุวนันทาเป็นภรรยาคนที่สาม ชาวไทยใหญ่ เป็นคนสวย 
  • เจ้านันทบุเรงก็หลงใหลมันมาก มันอยากเป็นราชินี จึงบังคับให้สวามีวางแผนแย่งอำนาจ แย่งสมบัติจากพระราชบิดามาเป็นใหญ่เสียเอง 
  • เจ้าบุเรงนองผู้บิดาจึงทรงตรอมพระทัย ในที่สุดก็ขาดใจตาย
  • ดังกล่าวแล้วให้ทะเลาะกันกับเจ้ามังไชยสิงหะราช ผู้เป็นลูกชายเลยเกิดโรคหัวใจวายตายไปอย่างกระทันหัน 
  • มันคือเจ้ามังไชยสิงหะราช ผู้เป็นอุปราชขึ้นครองเมืองชื่อเจ้านันทบุเรง มันได้ครองราชย์เป็นใหญ่ และเป็นระยะที่เขาเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ ความวุ่นวายมีอยู่ทั่วไป
  • กอปรกับมารู้ข่าวว่า กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) 
  • จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเอง ให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า 
  • แล้วลงมือชก ต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าว อดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส (มันเลวยิ่งกว่าหมา เพราะธรรมดาแล้ว หมาตัวผู้จะไม่กัดหมาตัวเมีย อันคนจำพวกที่ชอบรังแกผู้หญิง เอาเปรียบผู้หญิง ซึ่งเป็นเพศเมียนั้น จึงเป็นบุคคลจำพวกที่มีสันดานเลวยิ่งกว่าหมาเสียอีก)
  • ท่านขา เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ (และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ)
  • แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน 
  • แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ ด้วยการผูกรัดรึงตรึงฉันด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน
  • อันเรื่องนี้เอง ก็เป็นวิบากกรรมที่ทำให้ข้าพเจ้า ต้องไปรับรู้รับเห็นเรื่องของเจ้าหญิงทุกอย่าง และ ท่านกล่าวว่า 
  • ในกาลต่อไปข้างหน้าฉันตั้งปณิธานไว้ว่า (ฉันจะไปอุบัติบังเกิด ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน แต่จะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทยและจะไม่เยื่อใยใน การมีคู่ครอง
  • ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดี ให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ เพื่อแก้ลำ ที่คนไทยลืมฉัน
  • โดยจะไม่สนใจใยดีกับการที่จะอภิเษกสมรสเลย เพราะฉันเข็ดแล้วเข็ดอีกเรื่องผู้ชาย แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว 
  • เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้ว บอกฉัน 
  • และฉันขอฝากรูปลักษณ์ของฉัน ที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉัน ให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย 
  • แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว
  • ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉัน ที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย 
  • พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน 
  • นับว่าฉันเองได้สถิตอยู่ในมไหยสมบัติ อยู่ในดินแดนเมืองมนุษย์ มีความสุขสุดที่จะพรรณา 
  • แต่ต่อมาพม่าตีเมืองได้ ฉันกับน้องชายต้องตกเป็นเชลย ที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นขี้ข้าเขา แล้วได้มาเป็นเมียบุเรงนอง แล้วถูกจำจองด้วยเครื่องพันธนาการ ฉันเองได้รับแต่ความทุกข์ทรมานทั้งกายและจิตใจตลอดมา
  • จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด 
  • ดุจกับว่าดวงตาดวงใจมันหลุดลอยออกไปจากร่าง สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเอง เฆี่ยนตีทำโทษจนถึงแก่ความตายอย่างทรมานที่สุด 
  • ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆ จะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง 
  • ฉันเสียใจที่คนไทยลืมฉัน ฉันจะหาที่เกิดเป็นกุลสตรีที่ได้นั่งอยู่บนหัวใจของคนทั้งชาติโดยปราศจากการมีครอบครัว 
  • แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัย ไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว แต่เรื่องนั้นจะมีขึ้นได้จริง ก็ต้องพึ่งพิงอาศัยกระแสดวงใจ ของคนจำนวนมากช่วยค้ำจุนหนุนส่งให้ 
  • ดังนั้นจึงอยากจะขอร้องท่าน ช่วยเอารูปลักษณ์ของฉันออกให้ปรากฏแก่สายตาของคนทั่วไปที่เขาอยากรู้อยากเห็นด้วย 
  • นี้แหละท่าน อันชีวิตคนเราทุกๆ คนจะคละเคล้าไปด้วยสุขและทุกข์ เสียงหัวเราะและน้ำตา เสียงสนุกเฮฮา และร้องไห้โหยหวน 
  • ชวนให้คิดว่า นี่แหละโลก นี่แหละชีวิต คิดดูเถิด ตั้งแต่เกิดถึงตายกลายเป็นผีไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ทุกชีวิตก็ตกเป็นทาสเพราะตกอยู่ใต้อำนาจของความปรารถนา
  • ชีวิต ที่ถูกความโง่เขลาปลูกสร้างขึ้นมา แล้วก็ยึดถือหวงแหนไว้ด้วยความเข้าใจผิด คิดว่าเป็นของกู ตัวกู ไปทุกสิ่ง 
  • ได้ครอบครองสิ่งใดแล้วก็ชื่นชมยินดี เทิดทูน และผูกติดกับสิ่งนั้นไว้ด้วยความหลงผิด หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังบ้า แบกภาระอันหนักหน่วงเอาไว้ไม่รู้จักวาง ทางออกที่ดีก็คือ การไม่เกิดแล้วก็ไม่ตาย 
  • และท่านกล่าวต่อไปว่า อันความยึดมั่นถือมั่น ในตัวกูของกูนี่เอง ที่ทำให้คนเราโง่ ทำให้คนโง่เขลา พากันมัวเมาหลงผิด คิดว่าเป็นของตัวเองทุกอย่างไป ดวงใจมันก็ได้รับแต่ความทุกข์ 
  • แต่ฉันเองรู้สึกเสียใจมากที่บ้านเมืองของเราหลายๆ แห่งได้ถูกกองทัพเจ้าพม่า มันฆ่าทารุณผู้คน ขนมาเมืองมัน จนไม่เหลืออะไร 
  • แล้วมันก็สั่งให้คนไทยจุดไฟเผาบ้านเรือน ตลอดพระราชฐานวัดวาอารามที่สวยๆ งามๆ ให้เหลือแต่ซากสลักหักพัง พินาศสันตะโร
  • แต่ กรุงศรีอยุธยายังไม่สิ้นคนดี ก็มีพระยาตากมากู้เอาไว้ ท่านองค์นี้มีสายตาไกล ท่านไม่ยอมเอาเมืองหลวงเก่าเป็นราชธานี ท่านกลัวว่ามวลหมู่ผีร้ายๆ จะก่อกวน จึงชักชวนพวกอพยพไปตั้งราชธานีที่เมืองบางกอก 
  • แต่พวกพม่านั้นมันก็ได้รับผลกรรมตอบแทนอย่างคุ้มค่า เรียกว่า กรรมตามทัน ทำให้มันต้องรบราฆ่าฟันกัน เพื่อแย่งชิงอำนาจกันไม่มีเวลาสิ้นสุด 
  • แต่การรบราฆ่าฟันกันนั้น จะติหรือใส่ร้ายแต่พวกพม่าก็ไม่ได้ ส่วนมากก็คนไทยนั่นแหละเป็นไส้ศึกเป็นตัวการ ช่วยเผาผลาญบ้านเมืองตัวเองให้พินาศ 
  • เพราะจิตใจคิดอาฆาตที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วแบ่งพรรคแบ่งพวก จนเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช พระราชบิดาของฉันมาเป็นมหาอุปราช ผลสุดท้ายพระราชบิดาของฉันก็ได้ครองราชแทน 
  • เพราะ พระเจ้ามหินทราธิราช ได้มาสิ้นพระชนม์ชีพที่เมืองอังวะ ก็พระคุณท่านนั่นเองแหละ ได้รวบรวมหมู่เชลยไทย ช่วยกันถวายพระเพลิงศพท่าน แล้ว เอาพระอัฐิท่านมาไว้ที่โน้น 
  • อันการเกิดกุลียุค เผาผลาญบ้านเมืองในคราวนั้น ผู้ลงมือเองส่วนมากคือคนไทยเองที่เขาเคืองแค้น ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้เป็นใหญ่ผู้มีอำนาจที่หลงอำนาจ บ้ายศ หลงตัว ถือตัว
  • มหาภัยยุคเข็ญมันก็ต้องเกิดดังนี้ จะหาโทษพม่าเป็นคนทำลาย ไม่ถูกหรอก ท่านจงให้ความเป็นธรรมกับเขาบ้าง ก็คนไทยนั่นแหละเป็นตัวการเผาผลาญบ้านเมืองตัวเอง เขาเผาเพราะความแค้น
  • ส่วน พญาละแวก คือพวกขอม ขะแม มันก็ตัวศัตรูคู่แค้นคู่อริกับคนไทยมาตลอด จิตใจมันมืดบอดไม่เห็นบาปกรรม ที่มันทำลายล้างผลาญสังหารคนไทยนับครั้งไม่ถ้วน 
  • การที่มันกระทำนั้นเอง จึงเป็นมรดกตกทอดมาถึงลูกหลานของมัน และมันก็เข่นฆ่า ทารุณกันเอง เพื่อแย่งชิงอำนาจ 
  • ก่อความวินาศฉิบหาย จนสูญสิ้นชาติขอม มาเป็นขะแม สิ้นขะแมมาเป็นเขมร เขมรก็รบกันเหลือแต่หัวกะโหลกกองไว้ให้ชาวโลกได้เย้ยหยัน
  • นี่แหละคือผลของความบ้าอำนาจ บ้ายศ จำไว้เน้อ ผู้มีอำนาจทั้งหลาย อย่าบ้านักและอย่าลืมตัว 
  • ส่วนเมืองสยามไทย ไทยเราก็จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ให้คนไทยทั้งชาติตกอยู่ในยุคทั้งสิบ แบ่งเป็นยุคละยี่สิบปี คือ ยุคพระกาฬ พานยักษ์ รักบัณฑิต สถิตธรรม จำแขนขาด ราชโจน นนทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นตาขาว ยุคชาววิไล 
  • ขอให้ท่านดูไปก็แล้วกัน แต่ดีอย่างหนึ่งที่คนไทยไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร ชอบจะเป็นมิตรกับคนทุกชาติ
  • แต่เสียอย่างเดียวที่คนไทยมีนิสัยไม่ผิดกับหมาไทย คือถ้ามีใครมารังแก มันจะไม่ยอมแพ้ มันจะแห่กันเล่นงานทันที 
  • แต่ยามไม่มีใครมาเข่นฆ่าราวี มันก็ตีกันเอง คือพวกบ้าอำนาจ บ้ายศ บ้าจี้ มันนึกว่ามันดีกว่าทุกคน 
  • เมื่อถึงยุคราชโจร อาจจะมีนักปกครองปัญญาอ่อน แต่บ้าอำนาจจะเอาบ้านเอาเมืองไปขายกิน ก็อาจจะเกิดมีได้ดูไปเถอะ
  • แต่กรุงรัตนโกสินทร์ยังไม่สิ้นคนดี คนไทยเขาคงไม่ยอมแน่ เพราะเขามีพระดีหลวงพ่อดี หลวงพ่อองค์นั้นก็คือ ท่านผู้ประทับอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งชาติ คงจะเป็นพระยาธรรมมิกราช คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเอง 
  • แต่อยากถามว่า พระคุณเจ้าจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ ฉันจะตามไปด้วย ไปช่วยสร้างบารมีมุณีทั้งหลาย
  • ท่านจึงหาทางออกจากวัฏสงสาร ด้วยการทำความดีแก่ตน และสั่งสมให้มากที่สุดที่จะมากได้ 
  • แล้วท่านจึงตรัสถามข้าพเจ้าว่า เมื่อพระคุณเจ้าถูกจับกุมในข้อหาที่หนักๆ ทางการเมืองมาตั้งหลายครั้งหลายคราวนั้น ท่านมีทุกข์ใจมากไหม 
  • เพราะเท่าที่ฉันรู้มาว่า ท่านโดนเขาเล่นงานมาถึงสี่ครั้งแล้ว ก็ตอบท่านว่า ทุกครั้งที่อาตมาเจอกับความทุกข์ เราจะไม่ยอมแพ้มัน 
  • คือเรารู้จักวิธีฝึกให้จิตอยู่เหนือความทุกข์ ไม่ให้ความทุกข์อยู่เหนือจิต สร้างความรู้สึกนึกคิดประดิษฐ์สิ่งที่ร้ายให้เป็นสิ่งที่ดีเอาไว้ (เราเอ๋ยเรา) อดรนทนไว้เถิด นานๆไปมันจะชินไปเอง 
  • ผู้มีความฉลาด มีปัญญา ย่อมไม่สร้างทุกขเวทนาให้แก่ใจในสิ่งที่สุดทางแก้ ฉันก็ดี โยมก็ดี ก็มีทุกข์ไม่แพ้กัน แต่ตัวฉันนี้เองเป็นคนที่มีความขยันที่สุด ที่ฉันจะล่วงรู้อะไรได้ก็เพราะได้มาเจอท่าน
  • ท่านหญิงเป็นมัคคุเทศก์อย่างวิเศษ ในดวงใจและดวงตาของฉัน ที่ได้นำพาให้ฉันกลับไปรู้ไปเห็นว่า ฉันเคยเป็นอะไร อยู่ที่ไหน ทำอะไร 
  • ที่บอกท่านว่าเป็นคนขยันนั้นคือ ขยันเกิดแล้วก็ขยันตาย ท่านหญิงยังสบาย เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ 
  • สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว
  • แต่ชาติก่อนๆ สมัยท่าน ฉันก็ถูกจับมาเป็นเชลยเป็นขี้ข้าเขา ต่อมาอีกชาติเป็นนายทวาร เป็นขุนคลัง เขาสั่งประหาร หนีตาย ขนเอาสมบัติไปฝังดินไว้ 
  • เข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์กู้เมืองช่วยพระยาตาก แล้วติดตามฝรั่งไปตายที่กรุงโรม และก่อนตายก็ไปสร้างกรรม หาความร่ำรวยสร้างความมั่งมีเอาไว้ที่เมืองฝรั่ง 
  • แล้วมาเกิดเมืองไทย กลับไปเอาในสมบัติเก่า เข้าบวชในศาสนาคริสต์ เป็นถึงบัณฑิตครูสอน แล้วย้อนกลับมาบวชในศาสนาพุทธที่เมืองไทย
  • อะไร กันนี่สนุกเหลือเกิน เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่าย ตายเกิด เทียวไล้เทียวขื่อ
  • พอมาถึงตอนนี้ท่านหญิงก็หัวเราะเพราะท่านเองก็รู้ ตระหนักดีว่า เราเป็นคนขยัน คือขยันเกิดแล้วก็ขยันตาย 
  • แต่ในโลกทิพย์ เขาอยู่กันเพียงสองวัน เพราะมันมีความสุข วันคืนก็เลยยาว จึงได้ความว่า เวลาเร็ว คือเวลาที่ต้องการ แต่เวลานาน คือเวลาที่รอคอย
  • คือโลกมนุษย์นี้ร้อยปี มีเวลาเท่ากับ หนึ่งวันของโลกทิพย์ มันห่างกันเหลือเกิน เราได้สัมผัสทางฝัน คุยกับท่านหญิงจนเพลิน 
  • ท่านก็บอกว่า พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ให้ท่านนำเอารูปลักษณ์ที่ประจักษ์อยู่ในมโนทวารของท่าน ให้ปรากฏแก่สายตาของผู้คนที่เขาคิดถึงฉัน ให้ฉันได้ไปช่วยเขาด้วย และก็รับปากท่านเพราะท่านเชื่อแน่ว่า เราทำได้
  • จึงมาคิดดูว่าจะเอาอย่างไรดีกับเรื่องที่ได้ให้สัญญาท่านไว้ หากเราจะเขียนสเก็ตให้เป็นรูปร่างขึ้นมาจากกิ๊ฟ (Give) ให้ใกล้กับความจริง เราทำได้เพราะเราเป็นช่างเขียนเรียนมาจากเมืองฝรั่ง ฝั่งแม่น้ำแชร์ ที่กรุงปารีส 
  • แต่นั่นมันเกิดขึ้นจากฝีมือเรา มิใช่เงา หรือภาพจริงของท่าน ที่มาปรากฏให้เห็นอย่างจริงจัง 
  • ฝรั่งเขาถือมาก ถือว่ารูปใดที่เรารับจ้างเขียนให้ เขาไม่ได้มานั่งให้ดูในเวลาเขียน เขาจะไม่เอา เพราะเป็นรูปที่ไม่มีเงาของเขาเข้าไปติดอยู่ในมโนภาพ แล้วภาพนั้นจะไม่มีชีวิตชีวา ถือว่าไม่ขลัง 

  • ดังนั้น อันการสร้างรูปท่านขึ้นมา จะด้วยวิธีการอย่างใด ก็ต้องให้ได้สัมผัสทางจิตวิญญาณให้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น